สิ่งที่ได้รับจากการชมภาพยนตร์
ด้วยความที่ข้าพเจ้าเป็นคนที่อ่อนไหวต่อความรู้สึกอยู่แล้ว ภาพยนตร์เรื่องนี้จึงทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกอินเป็นอย่างมากเพราะเนื้อเรื่องในภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นภาพยนตร์ที่สะท้อนสังคมในปัจจุบันไม่ว่าจะเป็นเกี่ยวกับปัญหาครอบครัวหรือแม้แต่เรื่องทางเพศ โดยภาพยนตร์เรื่องนี้นำเสนอชีวิตของเด็กชายคนหนึ่งที่อยากเป็นผู้หญิง มีพฤติกรรมเบี่ยงเบนไปจากเด็กชายคนอื่นๆในวัยเดียวกันเป็นเหตุให้นำปัญหามากมายมาสู่ครอบครัว ซึ่งไม่สนับสนุนให้เขามีพฤติกรรมแบบนี้อยู่แล้วจึงพยายามทุกทางเพื่อจะให้เขาหายเป็นปรกติ ซึ่งนอกจากพ่อแม่ของเขาแล้วยังมียายซึ่งยอมรับและเข้าใจในตัวเขา จนในที่สุดครอบครัวก็ยอมรับเขาและพร้อมที่จะเข้าใจและฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆไปด้วยกันซึ่งทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกประทับใจมากเนื่องจากทุกคนในครอบครัวรู้จักที่จะให้อภัยในสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเขา ซึ่งเป็นสิ่งที่แก้ไขไม่ได้นอกจากจะยอมรับและเข้าใจในสิ่งที่เขาเป็น...
ทฤษฎีทางสังคม
ทฤษฎีทางสังคมที่เหมือนกับภาพยนตร์เรื่องนี้ ได้แก่
ทฤษฎีพฤติกรรมเบี่ยงเบน เนื่องจาก ตัวละครเอกนั้นมีพฤติกรรมที่แตกต่างไปจากคนอื่นๆในสังคมก็คือ การเบี่ยงเบนทางเพศ เป็นผู้ชายแต่อยากเป็นผู้หญิง ทำให้สังคมไม่ยอมรับเพราะในสังคมไม่มีใครที่มีพฤติกรรมแบบนี้แล้วแสดงออกอย่างชัดเจนเหมือนเขา จึงถูกสังคมรังเกียจและกีดกัน
หากเป็นพ่อแม่
ถ้าหากว่าข้าพเจ้าเป็นพ่อแม่ ก็คงจะไม่ชอบใจนักที่ลูกมีพฤติกรรมเบี่ยงเบนไปเช่นนี้ เพราะมีผลเสียที่จะตามมาหลายอย่างดังเช่นที่ได้เห็นในภาพยนต์ สังคมไม่ให้การยอมรับ ซึ่งนั่นจะทำให้เขาอยู่ในสังคมอย่างไม่มีความสุข ซึ่งความหวังสูงสุดของพ่อแม่ก็ต้องอยากเห็นลูกมีความสุขแต่ในเมื่อสังคมทำให้เขาเกิดความทุกข์ซึ่งมีสาเหตุมาจากตัวเขาเอง พ่อแม่จึงต้องเป็นเกราะป้องกันชั้นดีที่จะต้องคอยสร้างภูมิคุ้มกันให้เกิดขึ้นในใจ เพื่อที่จะให้เขาสามารถที่จะอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข ไม่ว่าจะอยู่ในสถานะแบบใดก็ตาม พ่อแม่จะต้องคอยเอาใจใส่ตลอดเวลาพยายามมองหาในส่วนที่ขาดของเขา แล้วช่วยเติมเต็มในส่วนนั้นเพราะการเบี่ยงเบนทางเพศนั้นเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ต้องยอมรับและเข้าใจเท่านั้น และถึงแม้ว่าจะมีลูกเป็นแบบนั้นก็ไม่สำคัญเท่ากับว่าเขาจะเป็นคนดีของสังคม...
หากเป็นพี่น้อง
การเป็นพี่น้องกันนั้นจะทำให้มีความสนิทสนมกันมากกว่า เพราะวัยใกล้เคียงและมีความใกล้ชิดเพราะอยู่ในครอบครัวเดียวกัน ซึ่งถ้าหากข้าพเจ้าเป็นพี่น้องของ ลูโดวิค ข้าพเจ้าจะยอมรับในสิ่งที่เขาเป็นและให้การสนับสนุนเต็มที่เพราะเราไม่สามารถที่จะเปลี่ยนแปลงอะไรได้แล้ว ตรงกันข้ามถ้าหากเราให้การสนับสนุนเขาให้เขาทำในสิ่งที่อยากทำแต่ต้องอยู่ในกรอบของสังคม ต้องมีขอบเขต และสามารถที่จะยอมรับได้ ทำตัวให้เหมาะสม และไม่ทำให้เขารู้สึกว่าอยู่คนเดียวหรือไม่เข้าพวก ต้องทำตัวให้เป็นกันเองเมื่อเขาอยู่ด้วยแล้วทำให้เกิดความสบายใจ...
หากเป็นเพื่อนบ้าน
หากข้าพเจ้าเป็นเพื่อนบ้านจะให้กำลังใจครอบครัวเขา เรื่องจากเป็นเพื่อนบ้านก็ไม่ได้มีส่วนได้เสียอยู่แล้วกับสิ่งที่เกิดขึ้นจึงเป็นเรื่องที่ไกลตัวพอสมควร ก็ทำได้เพียงแค่ให้กำลังใจ ถ้าหากมีคนในครอบครัวนั้นมาขอคำปรึกษาก็ให้คำปรึกษาในทางที่ดี ไม่รังเกียจ และไม่นำเรื่องที่เกิดขึ้นไปเล่าต่อในทางที่ไม่ดี
หากเป็นเพื่อน
หากเป็นเพื่อนข้าพเจ้าจะดีใจมากเพราะคนที่มีพฤติกรรมเบี่ยงเบนเช่นนี้จะเป็นคนที่มองโลกในแง่ดี อยู่ด้วยแล้วมีความสุข ซึ่งถ้าหากมีเพื่อนเป็นลูโดวิด ข้าพเจ้าจะทำให้เขารู้ว่าเขาคือคนสำคัญและเป็นที่ต้องการของสังคม ทำให้เขาไม่รู้สึกแปลกแยกและอยู่ตัวคนเดียว คอยให้คำปรึกษาในสิ่งที่เหมาะสมและเป็นกำลังใจให้เขาเสมอ...
หากเป็นตนเอง
ข้าพเจ้าจะรู้สึกสนุกมากถ้าเป็นตนเอง แต่ถ้าหากมีปัญหาต่างๆเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยแล้ว ก้จะต้องเชิญกับปัญหานั้นให้ได้ เพราะถึงหนี เราก็หนีไปไม่พ้น ข้าพเจ้าจะเลือกปรึกษาครอบครัวก่อนพยายามทำให้เขายอมรับว่าสิ่งเราเป้นอยู่นั้นไม่ได้เลวร้าย เราสามารถที่จะอยู่ในสังคมได้อย่างเข้มแข็ง ไม่ทำให้พ่อแม่และคนในครอบครัวเป็นห่วง ต้องพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่าถึงจะมีพฤติกรรมเบี่ยงเบนก็สามารถอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข
ข้อคิด
- บางครั้งเราต้องยอมทำในสิ่งที่ฝืนใจตนเองเพื่อให้ครอบครัวมีความสุข
- ยอมรับกับสิ่งที่แก้ไขไม่ได้ แล้วอยู่กับมันอย่างมีความสุข
- ความรักความเข้าใจจากครอบครัวเป็นภูมิคุ้มกันที่ดีของทุกคน
- การบังคับขืนใจไม่ใช่ทางออกที่ดีที่สุด และอาจทำให้ทุกอย่างแย่ลง
- เมื่อมีปัญหาอย่าเก็บไว้คนเดียว
- ไม่ว่าจะเพศไหน ก็สามารถอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข
- ไม่ว่าลูกจะเป็นยังไง พ่อแม่ก็รักลูกเสมอ
คำถาม
นางสาวนัฐกานต์ แมนไธสง 51041057
เป็นอะไรก็ได้ ขอให้เป็นคนดีของสังคม
ตอบลบ